ยุคนี้ สวยสั่งได้ ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ๆมากมายที่เนรมิตความงามให้แก่สาวๆ จัดความสวยเป๊ะ ปัง แบบจัดเต็มให้ดังใจ
จะเมโส โบท๊อก ร้อยไหม บลาๆๆ.......
แต่ก็นั่นแหละ มีหลายตัวเหลือเกิดจะจัดตัวไหนดีก็เกิดสับสน
วันนี้เราจัดมาให้แล้วว่าแต่ละตัวช่วยในเรื่องใดบ้าง ประโยชน์ ผลข้างเคียงจัดข้อมูลมาให้เต็มเหนี่ยว ส่วนราคาเนี่ยสาวๆต้องสืบต่ออีกนิดนึงน้า ตามสถาบันความงามที่ไว้วางใจได้ มีใบอนุญาตถูกต้อง และผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองมาตรฐาน จะสวยก็ต้องด้วยปลอดภัยด้วย อย่าลืมข้อนี้เชียว
เอาล่ะ ไปดูกันเลยว่าแต่ละตัว น่าสนใจเหมาะกับเราแค่ไหนกัน
เมโสหน้าใส หรือภาษาทางการ ก็คือ เมโสเทอราปี (Mesotherapy) เป็นการ ฉีดวิตามินต่างๆเข้าสู่ผิวหน้า โดยการสะกิดเข็มไปทั่วผิวหน้า หรือฉีดเข้าผิวแล้วแต่เทคนิคของแพทย์แต่ละท่าน
เห็นผลเมื่อไหร่ 1 - 2 สัปดาห์หลังฉีด
เห็นผลนาน 1 - 2 เดือน ตัวเมโสก็จะค่อยๆสลายหายไปนะคะ
ประโยชน์ต่อผิว ช่วยบำรุงผิวหน้า รูขุมขนดูกระชับ ลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำและรอยสิว รอยผฝ้าดูจางลง เพิ่มความชุ่มชื้น ผิวหน้ามีความสดใสมากยิ่งขึ้นค่ะ
ข้อดีของเมโสหน้าใส
- เป็นการให้สารบำรุงผิวที่เห็นผลได้ไวกว่าการทาครีมบำรุงผิว
- ไม่ต้องพักฟื้นรอยแดงสามารถหายไปได้ภายในสามวันฃช่วยรักษาปัญหาของผิวได้อย่างเร่งด่วน เช่น สิว รูขุมขนกว้าง เป็นต้น
ข้อเสียของเมโสหน้าใส
- เกิดตุ่มนูนบริเวณที่ฉีด หายภายใน 1-3 วัน
- อาจเกิดอาการแพ้ อักเสบหรือฟกช้ำได้หากไม่ได้รับการฉีดที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ
- ต้องฉีดซ้ำบ่อยๆ เป็นการบำรุงผิวหน้าระยะสั้นเพราะตัวยาจะสลายหายไปภายในสองเดือน
โบท๊อกซ์ (Botox) เป็นนวัตกรรมที่ใช้สำหรับลดเลือนริ้วรอย เติมความอ่อนเยาว์ และกระชับผิว
เห็นผลเมื่อไหร่ 2 สัปดาห์หลังฉีด
เห็นผลนาน 4 - 6 เดือน
ประโยชน์ ลดริ้วรอย ยกกระชับหน้า และลำคอ รวมถึงลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ
ข้อดีของโบท๊อกซ์
- เห็นผลไว ช่วยรักษาปัญหาของผิวได้อย่างเร่งด่วน
- ง่าย ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องดมยาสลบ และใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีสำหรับการฉีดโบท็อกซ์ เมื่อเปรียบเทียบกับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าลดริ้วรอย เช่น facelifts ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงในการผ่าตัด และต้องใช้เวลาพักฟื้นอีกหลายสัปดาห์
ข้อเสียของโบท๊อกซ์
- อาจเกิดอาการแพ้ หรือผลข้างเคียง เช่น หางตาตก ในบางรายพบว่ามีอาการปวดศีรษะหรือปวดในบริเวณที่ฉีด แต่ก็จะหายไปเองในเวลาที่ไม่นาน
- หน้าดูไม่ธรรมชาติ หรือดูแข็ง แสดงสีหน้าไม่ค่อยได้ หากฉีดในปริมาณเยอะเกินไป
- ต้องฉีดซ้ำบ่อยๆ เป็นการบำรุงผิวหน้าระยะสั้นเพราะตัวยาจะสลายหายไปภายใน 4 - 6 เดือน
ฟิลเลอร์ (Filler) หรือสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือ HA ช่วยเติมเต็มหรือเสริมชั้นในผิวหนังและใต้ผิวหนัง
เห็นผลเมื่อไหร่ 2 - 3 สัปดาห์หลังฉีด
เห็นผลนาน 6 - 12 เดือน
ประโยชน์ เติมเต็มริ้วรอยร่องลึก กระชับ ปรับกรอบหน้า ลดขนาดรูขุมขน นิยมฉีดบริเวณ ขมับ ใต้ตา คาง ริมฝีปาก ร่องแก้ม
ข้อดีของฟิลเลอร์
- เห็นผลไว ช่วยรักษาปัญหาของผิวได้อย่างเร่งด่วน
- ง่าย ไม่ต้องพักฟื้น
ข้อเสียของฟิลเลอร์
- เกิดตุ่มนูนบริเวณที่ฉีด หายภายใน 3 - 7 วัน
- ต้องฉีดซ้ำบ่อยๆ เป็นการบำรุงผิวหน้าระยะสั้นเพราะตัวยาจะสลายหายไปภายใน 6 - 12 เดือน
เมโสแฟต (Meso fat) คือ การใช้ตัวยาลดไขมันส่วนเกินเพื่อกระชับสัดส่วน ประกอบด้วยสารที่มีคุณสมบัติเร่งการเผาผลาญไขมัน รวมถึงช่วยลดกระบวนการเกิดเซลล์ไขมันใหม่ หลังจากฉีดเมโสแฟต โครงสร้างผิวจะค่อยๆ ลดขนาดลง ดูเรียวกระชับมากขึ้น
เห็นผลเมื่อไหร่ 2 - 3 สัปดาห์หลังฉีด (หรืออาจต้องทำซ้ำหลายครั้งจึงจะเห็นผลโดยเฉพาะบริเวณที่มีไขมันมาก)
เห็นผลนาน 5 - 6 เดือน
ประโยชน์ ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน หน้าเรียว ดูสมส่วน เห็นผลไว ลดไขมันได้เฉพาะจุดได้อีกด้วย
ข้อดีของเมโสแฟต
- เห็นผลไวในบางจุด
- ง่าย ไม่ต้องพักฟื้น
ข้อเสียของเมโสแฟต
- บวมช้ำน้อย แต่บางตัวยาอาจบวมยาได้ ใน 1 - 3 วันแรก
- ถ้าบริเวณไหนไขมันเยอะ อาจต้องฉีดประมาณ 4 - 5ครั้ง ถึงจะเห็นผลที่ชัดเจน
- ต้องมาฉีดบ่อย ไม่สามารถทำครั้งเดียวจบ
- บางรายอาจมีโอกาส แพ้สารที่ฉีด
ร้อยไหม (Thread lift) เป็น การใช้ไหมละลายร้อยเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณต่างๆ เพื่อยกกระชับผิว โดยจะมีตะขอเกี่ยวขนาดเล็กมาก เมื่อสอดเข้าไปใต้ผิวหนังตะขอเหล่านั้นจะเกี่ยวเอาเนื้อเยื้อและกล้ามเนื้อให้ยกขึ้นตามแนวเส้นไหมทำให้ผิวดูกระชับขึ้น และช่วยกระตุ้นร่างกายให้ผลิตคอลลาเจนมาซ่อมแซมผิว
เห็นผลเมื่อไหร่ 3 - 6 เดือน
เห็นผลนาน 1 - 3 ปี
ประโยชน์ เป็นทางเลือกในการยกกระชับผิวหน้าสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่ไม่ต้องการผ่าตัด มีความปลอดภัยสูง ไม่กระทบกับชีวิตประจำวัน หากดูแลรักษาผิวหน้าอย่างดีก็จะช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน นิยมทำบริเวณ กราม คิ้ว ใต้ตา แก้ม หน้าอก
ข้อดีของการร้อยไหม
- สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าการผ่าตัดยกกระชับผิวหน้า
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-3 ปี (ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ) ไม่ต้องทำซ้ำบ่อย
ข้อเสียของการร้อยไหม
- มีรอบช้ำ เลือดซึม บวม ปวดบริเวณที่สอดไหม
- ผู้ที่มีผิวหน้าหย่อนมาก อาจไม่เห็นผลลัพธ์จากการร้อยไหม
- ผิวหน้าที่ยกกระชับขึ้นจะขึ้นเพียงไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น